คุมเข้มเอาผิดบิดเบือนข้อมูล
นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินการเสนอข่าวหรือการทำให้เกิดการเผยแพร่ ซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ซึ่งมีความอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือมีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความเรียบร้อย ถือเป็นความผิดตามมาตรา 9 (3) แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการข้อห้ามและข้อปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน จนถึงวันที่ 25 ก.ค. เว้นแต่จะมีการประเมินความเหมาะสมสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป
“วิษณุ” แจงไม่ได้ห้ามเดินทาง
ต่อมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนข้อกำหนดที่ 27 เกี่ยวกับการเดินทางข้ามจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มว่า เป็นเพียงการขอความร่วมมือไม่ถึงขั้นห้าม แต่การเดินทางเข้าหรือออกพื้นที่สีแดงเข้มต้องแสดงหลักฐานความจำเป็นและมีด่านตรวจ หากแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนสองเข็มจะช่วยได้เยอะและในข้อกำหนดระบุไว้ว่าอาจทำให้การเดินทางไม่ได้รับความสะดวกเหมือนที่ผ่านมาจะให้เวลาเดินทางมากขึ้นกว่าเดิม และการตั้งด่านจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.เพราะกลัวการอพยพ ส่วนพื้นที่อื่นๆที่ไม่ใช่จังหวัดสีแดงเข้มยังเดินทางได้ปกติ
ศปม.ตั้งด่าน 10 จว.สีแดง 145 จุด
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยหลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมหน่วยงานความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่น คงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการ ศบค. โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.)ได้สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กระจายลงพื้นที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดร่วม รวมทั้งสายตรวจเคลื่อนที่เร็ว ลงปฏิบัติการในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด แล้วตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยตั้งจุดตรวจใน กทม. 88 จุด 5 จังหวัดปริมณฑล 22 จุด และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 35 จุด
ติดเชื้อ-ตายทำนิวไฮรายวัน
ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันที่ 10 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.แถลงที่ทำเนียบรัฐบาลว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,326 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,115 คน จากเรือนจำและที่ต้องขัง 192 คน และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 19 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 326,832 คน ผู้หายป่วยเพิ่ม 3,841 คน ยอดรวมหายป่วยแล้ว 243,918 คน อยู่ระหว่าง การรักษา 80,289 คน อาการหนัก 2,738 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 717 คน เสียชีวิตเพิ่ม 91 คน เป็นชาย 47 คน หญิง 44 คน อยู่ใน กทม. 51 คน สมุทรปราการ 9 คน นนทบุรี 8 คน ปทุมธานี 5 คน นครปฐม 4 คน ขอนแก่น ร้อยเอ็ด นราธิวาส จังหวัดละ 2 คน เพชรบุรี มหาสารคาม กำแพงเพชร สงขลา เพชรบูรณ์ ฉะเชิงเทรา นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 1 คน ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตสะสม 2,625 คน ขณะที่การฉีดวัคซีน วันที่ 9 ก.ค.ฉีด ไปได้ 399,908 โดส ยอดฉีดสะสม 12,375,904 โดส
คลัสเตอร์ใหม่ผุดต่อเนื่อง
นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ขณะที่ 10 จังหวัดมีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด ได้แก่ กทม. 3,191 คน ปทุมธานี 672 คน สมุทรปราการ 603 คน สมุทรสาคร 551 คน ชลบุรี 359 คน นนทบุรี 334 คน สงขลา 225 คน ลพบุรี 207 คน สระบุรี 175 คน และปัตตานี 173 คน โดยมีคลัสเตอร์ใหม่ในหลายพื้นที่ คือบริษัทผลิตน้ำประปา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พบผู้ป่วยรายใหม่ 9 คน จ.นครปฐม พบ 2 คลัสเตอร์ คือตลาดสมภพ อ.สามพราน 31 คน และโรงงานพลาสติก อ.นครชัยศรี พบผู้ป่วยใหม่ 28 คน และบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พบผู้ป่วย 10 คน
แจงเหตุคุมเดินทาง-ข่าวสาร
นพ.ทวีศิลป์ยังแถลงขยายความข้อกำหนด ฉบับที่ 27 โดยขอความร่วมมือประชาชนถ้าไม่จำเป็นอย่าเคลื่อนย้ายในช่วงที่มีการประกาศห้ามเดินทาง ขณะที่มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ขณะนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) กำลังพิจารณาเตรียมการเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ส่วนมาตรการไม่ให้บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ต้องขอความร่วมมือเพราะปัจจุบันข่าวลือข่าวเท็จออกมาจำนวนมาก ในที่ประชุม ศบค.มีการเน้นย้ำเรื่องนี้เพราะนอกจากการทำงานที่ต้องเดินไปข้างหน้าแล้ว การมีข่าวที่อาจเป็นเท็จทำให้ต้องพะว้าพะวังและเสียเวลาแก้ข่าว ทำให้การทำงานล่าช้าจึงขอความร่วมมือ และต้องบังคับใช้กฎหมายข้อนี้อย่างเต็มที่
เดือนเดียวไอซียูเพิ่มเท่าตัว
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และการแยกกักตัวที่ชุมชน (Community Isolation) ว่าอัตราการครองเตียงประจำวันใน กทม. และปริมณฑล เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. มี 19,629 เตียง กระทั่งวันที่ 9 ก.ค. เพิ่มเป็น 30,631 เตียง เพียง 1 เดือนเพิ่มถึง 1 หมื่นเตียง ทำให้แพทย์พยาบาลบุคลากรสาธารณสุขหน้างานต้องแบกรับภาระที่หนักมาก ใน 3 หมื่นกว่าราย เป็นอาการไม่มากสีเขียวและไม่มีอาการประมาณร้อยละ 76 สีเหลืองประมาณร้อยละ 20 สีแดงอาการรุนแรงร้อยละ 4 ซึ่งวันที่ 9 มิ.ย. ต้องใช้เตียงไอซียู 714 เตียง วันที่ 9 ก.ค. เพิ่มเป็นเท่าตัว 1,206 เตียง
ลดวันอยู่ รพ.กลับไปกักตัวที่บ้าน
นพ.สมศักดิ์ระบุอีกว่าการเพิ่มเตียงไม่ยาก แต่การเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญมาดูแลเป็นเรื่องยาก จึงเป็นที่มาให้มีการแยกกักตัวที่บ้านและชุมชน โดยให้ผู้ติดเชื้อตามเกณฑ์กำหนดระดับสีเขียวอ่อน-แก่เข้าร่วมด้วยความสมัครใจ ซึ่งต้องมีสถานที่เหมาะสม เดิมใช้โรงพยาบาลเข้ามาร่วมดูแล กำลังขยายไป คลินิกชุมชนอบอุ่นและสถานพยาบาลใกล้บ้านที่จะต้องลงทะเบียนเข้าร่วม นอกจากนี้กำลังปรับแผนคนไข้ที่อยู่รักษาใน รพ. แล้ว 10 วัน ปรับเป็น 7-10 วัน ที่อาการไม่มีอะไรแล้วให้แยกกักที่บ้าน คาดจะเพิ่มเตียงได้ร้อยละ 40-50 มารับผู้ป่วยใหม่
แยกกักแล้ว 600 กว่าราย
นพ.สมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มี รพ.ราชวิถี รพ.เลิศสิน รพ.นพรัตน์ ขึ้นทะเบียนดูแลผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้านแล้ว 200 กว่าราย ได้ติดตามผู้ป่วยอาการยังดีทั้งหมด กำลังมีคนไข้เข้ามาเพิ่มอีก 200 กว่าราย ในส่วนของการแยกกักในชุมชนทำแล้ว 200 กว่าราย มีภาคประชาสังคมมาร่วมทำ ทั้งกรมการแพทย์ กทม. และโรงเรียนแพทย์ประสานสถานที่ดำเนินการ ส่วนใหญ่เป็นศาลาวัด หอประชุมโรงเรียน ทั้งนี้ แคมป์คนงานหมู่บ้าน หากมีที่แยกตัวก็สามารถทำได้ โดยหลักไม่เกิน 200 คน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อที่ยังไม่มีสถานพยาบาลรองรับและคิดว่าสามารถแยกกันที่บ้านได้สามารถติดต่อ 1330 เพื่อคัดกรองซักประวัติ ขณะนี้มีผู้ป่วยที่แยกกักที่บ้านและชุมชนรวม 600 กว่ารายแล้ว มาตรการต่างๆที่ทุกฝ่ายช่วยกันหากสามารถลดผู้ป่วยลงได้ร้อยละ 40-50 เชื่อจะผ่านวิกฤติไปได้
เน้น 3 ภารกิจหลักใน 14 วัน
ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า นับจากนี้อีกสองสัปดาห์เป็นอย่างน้อย ประเทศจะเข้าสู่สภาวะจำศีล ทุกคนจะต้องช่วยกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ใน กทม. และจังหวัดสีแดงเข้ม เรายังมีงานด้านการแพทย์สำคัญรออยู่ข้างหน้า 3 งานด้วยกัน คือ 1.การลดจำนวน ผู้ป่วยใหม่ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าจากการล็อกดาวน์ แบบเข้มงวด เพื่อให้แพทย์ได้ดูแลรักษาผู้ป่วย
โควิดที่ตกค้างเดิมและที่จะมีเพิ่มใหม่ในช่วงนั้นให้ได้ดีที่สุด และถ้าเป็นไปตามแผนนี้ ภายหลัง 14 วันไปแล้ว ยอดผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิตจะเริ่มลดลงจนอยู่ในระดับที่ภาคการแพทย์ยอมรับได้ 2.เร่งตรวจค้นหาผู้ป่วยรายใหม่แล้วเร่งนำเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาเพื่อลดการสูญเสียและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน จะต้องปูพรมเอกซเรย์ทุกพื้นที่หาผู้ติดเชื้อให้ละเอียด ระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนมาช่วยกันทำภารกิจให้เสร็จสิ้นใน 14 วัน และ 3.ปรับยุทธศาสตร์วัคซีนให้เหมาะสม เน้นปกป้องบุคลากรด่านหน้าและกลุ่มเสี่ยง ควบคู่ไปกับการกระจายสู่ประชาชนทั่วไปให้ครอบคลุมเข็มแรกและเข็มสองเร็วที่สุด
สลดทารก 3 เดือนตายขณะกักตัว
ด้าน ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตอนนี้สถานการณ์หนักขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ตรวจโควิดจากศพไป 11 ราย ผลเป็นบวก 7 ราย พิสูจน์ไม่ได้ 3 ราย (นับจากเคสใน รพ.รามาฯ กทม. และในสถาบันจักรีฯ สมุทรปราการ) เคสที่เป็นบวกแล้วนอนตายในบ้านมี 5 เคส ส่วนพิสูจน์ไม่ได้ทั้ง 3 เคส ตายในบ้านมีหนึ่งเคสเป็นทารกอายุสามเดือนที่กักตัว เพราะแม่เป็นโควิด ดังนั้นตอนนี้ขอให้ทุกคนโดยเฉพาะใน กทม. และปริมณฑล ทำ social distancing แบบจริงจัง ส่วนถ้าได้คิวฉีดวัคซีนก็รีบไปฉีดรอไม่ได้ ฉีดก่อนเถอะ ส่วน mRNA ก็ช่วยกันผลักดัน
เตรียมเปิด 3 ศูนย์พักคอยฯ
ส่วนการจัดการปัญหาเตียงผู้ป่วยโควิด-19 ในส่วนของ กทม.นั้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยหลังตรวจความพร้อมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ ว่าศูนย์พักคอยฯกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ เขตจตุจักร ประกอบด้วยศูนย์สร้างสุขทุกวัยจตุจักร ใช้อาคารกีฬาในร่มจัดตั้งเป็นศูนย์พักคอย รองรับผู้ป่วยได้ 120 เตียง เปิดรับผู้ป่วยได้ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ศูนย์กีฬาประชานิเวศน์ ใช้อาคารโรงยิม บริเวณชั้น 1 ซึ่งเดิมเป็นห้องลีลาส และพื้นที่ชั้น 2 รองรับผู้ป่วยได้ 180 เตียง เปิดรับผู้ป่วยได้ในวันที่ 13 ก.ค. ส่วนพื้นที่เขตดอนเมือง จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อบริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยดอนเมือง โดยใช้อาคารกีฬาในร่ม รองรับผู้ป่วยได้ 120 เตียง สามารถขยายศักยภาพรองรับผู้ป่วยได้ถึง 150 เตียง คาดว่าจะเปิดรับผู้ป่วยได้ในวันที่ 13 ก.ค. รวมทั้ง 3 แห่ง จะรองรับผู้ป่วยได้ 420 เตียง นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ยังลงนามประกาศกรุงเทพ-มหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 36) มีสาระสำคัญส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับประกาศของ ศบค.ในการใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป
ตั้งศูนย์พักคอยเด็กติดโควิด
ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าการแพร่ระบาดที่มีการติดเชื้อในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น หลายครอบครัว พ่อแม่ลูกติดเชื้อไม่พร้อมกัน ทำให้ต้องแยกกันเข้ารักษาตัวใน รพ. โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน มีเด็กแรกเกิดถึงอายุ 15 ปี ติดเชื้อโควิด 2,738 คน กทม.จึงจัดตั้งศูนย์พักคอยสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 3-14 ปี ที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกาย เขตดุสิต ใช้เป็นสถานที่ดูแลเด็ก ช่วยลดความเครียดของพ่อแม่ที่กังวลกลัวว่าจะไม่มีคนดูแลลูก ลดความกดดันของเด็กที่ต้องแยกกักตัวจากพ่อแม่ โดยจะมีทีมแพทย์ อาสาสมัครพี่เลี้ยงเด็ก ครูอาสาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด 24 ชั่งโมง และหากมีอาการก็สามารถส่งเข้า รพ.ได้ทันที
รอง ผบช.น. ตรวจสอบตั้งด่านเคอร์ฟิว
เมื่อเวลา 21.00 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เดินทางไปบริเวณด่านตรวจพื้นที่สน.สุทธิสาร หน้า The Sc Place ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง กทม. เพื่อตรวจสอบการตั้งด่านตรวจตามประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 27 ลง 10 ก.ค.64 มุ่งเน้นการห้ามออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็นตั้งแต่ 21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้น หรือผู้ที่มีเหตุจำเป็นต้องขออนุญาตกับพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด ห้ามผู้ใดออกมารวมกลุ่มกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เป็นต้นไป โดยบริเวณด่านจะมีเจ้าหน้าที่เรียกรถที่สัญจรผ่านไปมา นำมาตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายภายในเต็นท์ที่ตั้งอยู่ริมถนน หากใครฝ่าฝืนโดยไม่ได้เป็นผู้ที่ได้รับการยกเว้นจะมีโทษตามกฎหมาย
“โก๊ะตี๋” คาดได้กลับบ้านจันทร์นี้
สำหรับอาการป่วยของ 2 คนบันเทิงที่ติดเชื้อโควิด-19 ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ว่าผู้ประกาศข่าวชื่อดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” โพสต์อินสตาแกรมอัปเดตอาการของ “โก๊ะตี๋ อารามบอย” ที่ประกาศว่าติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. และปัจจุบันกำลังรักษาตัวอยู่ ซึ่งวันที่ 24 มิ.ย. โก๊ะตี๋ กับนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ร่วมอัดรายการพร้อมกัน โดยสรยุทธระบุว่า ตอนนี้โก๊ะตี๋อาการปกติ ร้องงอแงอยากกลับบ้านและคาดว่าจะได้กลับบ้านวันจันทร์นี้แล้วแต่ต้องกักตัวต่อ
“ณวัฒน์” เข้าไอซียูต้องนอนควํ่าหน้า
ขณะที่อาการของนายณวัฒน์ อิสรไกรศีลนั้น “น้ำ-พัชรพร จันทรประดิษฐ์” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ออกมาไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ณวัฒน์ อิสร-ไกรศีล” อัปเดตอาการเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ว่าตอนนี้ ณวัฒน์อาการหนักต้องเข้าห้องไอซียู โดยเปิดเผยว่า ไม่สามารถนอนหงายได้ ต้องนอนคว่ำหน้าตลอด ตอนนี้ตนบนไว้หลายที่ขอให้หาย และณวัฒน์เพิ่งย้ายไปชั้น 23 ที่ รพ.ปิยะเวท ให้ออกซิเจนแบบแรงดันสูง ตนไม่ได้อยากคุยกับณวัฒน์ เพราะอยากให้พักอย่างเต็มที่ เชื่อว่าหายแน่นอนเพราะผู้ชายคนนี้สู้มาก โดยเชื้อลงปอดเรียบร้อยแล้ว ณวัฒน์ก็สู้รักษาโดยการให้พลาสม่าอยู่ ตอนนี้ตนรับบทเป็นผู้ปกครองบอกให้วางโทรศัพท์ พักผ่อนบ้าง ต้องดูแลตัวเอง บางคนถามว่าเป็นเชื้ออะไร ณวัฒน์ติดสายพันธุ์อินเดีย (เดลตา) อาการข้างต้นไม่สามารถนอนหงายได้ หมอให้คว่ำหน้านอน ส่วนกระแสดราม่าการ์ดตก จากเวทีการประกวด มิสแกรนด์สมุทรสาคร ที่จัดขึ้นย่านอาร์ซีเอ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. มีนางงามและพี่เลี้ยง ติดเชื้อโควิดรวม 22 คน โดยณวัฒน์ได้ไปร่วมงานดังกล่าวด้วยนั้น คนเหล่านั้นไม่ได้ติดจากณวัฒน์ เพราะณวัฒน์ติดสายพันธุ์อินเดีย ส่วนเขาติดสายพันธุ์อังกฤษ คาดว่าณวัฒน์รับเชื้อวันที่ 24 มิ.ย. ส่วนน้องคนหนึ่งที่อยู่ในกรณีประกวด ติดเชื้อวันที่ 28 มิ.ย. คนละสายพันธุ์กัน ซึ่งณวัฒน์ฝากขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้
“ณัฐวุฒิ” ติดโควิดทั้งที่ฉีดแอสตราฯ
ต่อมาช่วงค่ำ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช.โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าผมฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 เข็ม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.64 เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้รับแจ้งเมื่อสักครู่นี้ ว่าผลตรวจเป็นบวกติดเชื้อ ขออภัยและส่งความห่วงใย ทุกท่านอย่างยิ่งที่พบปะกันในช่วงระยะนี้ ไทม์ไลน์จะเรียบเรียงแล้วแจ้งอีกครั้ง จากนี้จะติดต่อเข้ารับการ รักษาตามกระบวนการต่อไปครับ
“ณัฐชา” รอผลทางการยืนยัน
จากนั้นเวลา 17.45 น.นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าวันนี้ ผมได้รับการยืนยันผลการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด -19 ครับ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคคลต่างๆ ที่ผมพบเจอหรือทำงานด้วยในระหว่างนี้ ซึ่งจำเป็นต้องเฝ้าระวังอาการ ต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน และต้องเข้ารับการตรวจเชื้อเช่นเดียวกัน ในฐานะ ส.ส. พวกเราได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้วการปฏิบัติหน้าที่ของผมในฐานะผู้แทน ราษฎรทั้งในสภาและนอกสภา ผมพยายามปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมใส่หน้ากากป้องกันตลอด หมั่นตรวจเช็กการติดเชื้อด้วยตัวเองเป็นระยะ จนกระทั่งเมื่อวานนี้มีสัญญาณว่าอาจจะมีการติดเชื้อผมจึงกักตัวเองทันที และเตรียมขอเข้ารับการตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้ออย่างเป็นทางการ ในระหว่างนี้พบว่าเริ่มมีอาการไข้และเจ็บคอ จึงลองทดสอบด้วย Rapid test อีกรอบ ผลออกมามีแนวโน้มว่าติดเชื้อเช่นเดิม และส่วนตัวเกรงว่าจะไม่ทันต่อสถานการณ์ จึงขอประกาศอย่างไม่เป็นทางการว่าผมติดเชื้อโควิด โดยระหว่างนี้ก็เข้ารับการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR เพื่อยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง คาดว่าผลจะออกดึกๆ คืนนี้ หากมีผลเป็นอื่นจะรีบแจ้ง อย่างไรก็ตาม อาการของผมยังอยู่ในระดับไม่รุนแรงและส่วนตัวมีความพร้อมในการทำ Home Isolation หรือแยกกักตัวที่บ้านได้โดยจะมีการติดตามอาการจากหน่วยงานสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด
4 จชต.ยังอ่วมติด-ตายอื้อ
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 4 จังหวัดชายแดนใต้ ที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้มคือควบคุมสูงสุดตามประกาศข้อกำหนดของ ศบค. ฉบับที่ 27 ยังพบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดย จ.ยะลา พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 158 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นรายที่ 27 ของจังหวัด เป็นชายสูงวัย จ.ปัตตานี ติดเชื้อเพิ่มอีก 173 คน ตายเพิ่มอีก 5 ศพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 38 ศพ ส่วน จ.นราธิวาส ตลอดวันคนแห่เข้าห้างร้านค้า เพื่อซื้อของกินของใช้มาตุนหลังเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่ต้องคุมเข้มงวดตามประกาศของ ศบค. ด้าน จ.สงขลา ยอดติดเชื้อเพิ่มพุ่งไปถึง 225 คน เสียชีวิตอีก 1 คน เป็นชายวัย 52 ปี ชาว อ.เมืองสงขลา ขณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เงียบเหงา โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นล่องหาดใหญ่-กรุงเทพฯ เนื่องจากบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส.หยุดเดินรถเส้นทางภาคใต้ทุกเส้นทาง จนถึงวันที่ 25 ก.ค. รับมาตรการล็อกดาวน์ 14 วัน เริ่มในวันที่ 12 ก.ค.นี้ ส่วนผู้ที่จองตั๋วกับ บขส.สามารถขอคืนเงินได้เต็มจำนวน นอกจากนี้ ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 9-16 ก.ค.2564 ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ประกาศปิดการตลาด 14 แห่ง ของ อ.หาดใหญ่ ในย่านถนนรัถการ เป็นเวลา 7 วัน ถือเป็นการปิดตลาดในย่านนี้พร้อมกันครั้งแรกของเมืองหาดใหญ่ พร้อมตั้งกองอำนวยการ่วมทหารตำรวจฝ่ายปกครองและเทศบาลนครหาดใหญ่ดูแลความเรียบร้อยตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ตลอด 7 วันที่ปิดตลาด
พบอีก 2 นทท. เด็กติดเชื้อ
ต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน นพ.กู้ศักดิ์กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงผลตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิค -19 ของจังหวัดภูเก็ตประจำวันที่ 10 ก.ค. จำนวน 11 คน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในโครงการภูเก็ตแซนด์-บ็อกซ์ 2 คน พบเชื้อในการตรวจ Swab ครั้งที่ 2 ช่วงวันที่ 6-7 ก.ค. ที่เข้าพักในภูเก็ต สำหรับผู้ติดเชื้อทั้ง 2 คน เป็นชาวเมียนมา อายุ 8 ขวบและ 9 ขวบ เดินทางเข้ามาตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ รวม 2 ครอบครัว จำนวน 7 คน ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ในกระบวนการรับตัว เพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนครอบครัวเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องเข้ากักตัวจนครบ 14 วัน และอยู่ระหว่างรอผลตรวจเชื้อ
ติดโควิดตายต่อเนื่อง
นอกจากนี้ หลายจังหวัดรายงานมีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตเพิ่ม ทั้งที่ จ.นครสวรรค์ ผู้ป่วยชาย วัย 68 ปี จากอำเภอเมืองนครสวรรค์ เสียชีวิตเป็นรายที่ 21 ของจังหวัด เช่นเดียวกับ จ.อุบลราชธานี พบติดเชื้อรายใหม่ทุบสถิติคือ 81 คน จำนวนนี้มีถึง 71 คน เป็นผู้ที่มาจาก กทม.และต่างจังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นรายที่ 6 ของจังหวัด ผู้ตายเป็นหญิงอายุ 91 ปี อยู่ ต.หนองขอน อ.เมือง ติดเชื้อจากคนในครอบครัวที่มาจาก กทม. ส่วน สสจ.ร้อยเอ็ด รายงานว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต 1 คนเป็นรายที่ 9 ของจังหวัด เป็นชาย อายุ 63 ปี ชาว อ.เชียงขวัญ เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ดูแลรักษาที่บ้าน และป่วยเป็นโรคมะเร็ง เข้ารักษาตัวที่ รพ.เชียงขวัญ เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ก่อนส่งต่อมาที่ รพ.ร้อยเอ็ด และเสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งหน่วยกู้ภัยอโสกนำร่างไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดบูรพาภิราม เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ก.ค. เรียบร้อยแล้วขณะที่ภาพรวมของจังหวัด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 52 คน ในจำนวนนี้ 47 คน มาจาก กทม. สมุทรปราการ ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร และเลย ขอกลับมารักษาตัวใน จ.ร้อยเอ็ด นอกนั้น 5 คน เป็นผู้ตรวจพบการติดเชื้อในจังหวัด ส่วน จ.สุพรรณบุรี พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 86 ราย เป็นผู้ป่วยในเรือนจำ 27 ราย เสียชีวิต 2 ศพ เป็นหญิงไทย อายุ 92 ปี อยู่ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง และชายไทย อายุ 83 ปี อยู่ ต.ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ นับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 20 และ 21 ของจังหวัด ตามลำดับ ขณะที่ สสจ.ประจวบคีรีขันธ์ ระบุพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 30 คน เป็นคนไทย 27 คน ชาวพม่า 3 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 10 ของจังหวัด เป็นหญิงอายุ 84 ปี มีประวัติติดเชื้อจากญาติ
ผ่าคลอดแม่ติดเชื้อทารกไม่รอด
ขณะที่ จ.แพร่ เกิดเหตุสุดเศร้าเมื่อ สสจ.แพร่ เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ว่า มีเคสสาววัย 28 ปี อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ติดเชื้อโควิด มาจาก จ.ปทุมธานี ในโครงการคนแพร่ไม่ทิ้งกัน มีรถไปรับมารักษาตัวที่บ้านเกิด แต่เนื่องจากมารดามีภาวะเชื้อลงปอด ต้องเจาะคอเพื่อช่วยหายใจ และเด็กน้อยในครรภ์มีภาวะหัวใจเต้นเร็ว แพทย์จึงตัดสินใจผ่าตัด
ทำคลอดเพื่อช่วยเหลือ แต่หลังคลอดทารกยังหัวใจเต้นเร็ว แพทย์ช่วยเหลือทุกทางแล้วแต่ไม่สามารถช่วยเหลือไว้ได้ เบื้องต้นแม่ปลอดภัยดีจึงรักษาผู้เป็นแม่ต่อไป และส่งร่างเด็กน้อยให้ครอบครัว ซึ่งมอบให้สมาคมอาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดแพร่ นำร่างทำพิธีฌาปนกิจที่ป่าช้าประตูมารทันทีเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน
หาเตียง กทม.ไม่ได้มาตายแปดริ้ว
ส่วนที่ จ.ฉะเชิงเทรา กู้ภัยฉะเชิงเทรา นำร่างผู้ป่วยโควิด 1 ราย มาประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดอุดมมงคล ต.ท่าไข่ อ.เมือง โดยไม่มีภรรยาและลูกๆของผู้เสียชีวิตมาร่วมงาน เนื่องจากเคสนี้ติดโควิดกันยกบ้าน ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้ว 1 เข็ม ก่อนติดเชื้อยกบ้านรวม 4 คน โดยผู้ตายเป็นชาย วัย 66 ปี อยู่ในพื้นที่บางมด กทม. รู้ผลติดเชื้อและนอนรอเตียงรักษาในคอนโดฯ อยู่ 3 วัน ลูกผู้ตายพยายามติดต่อหาเตียงทุกๆช่องทาง กระทั่งได้มารักษาที่ รพ.บางคล้า ทั้งครอบครัว แต่ผู้ป่วย อาการทรุดหนักจึงส่งมารักษาต่อที่ รพ.พุทธโสธร และเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ค.
โควิดคร่าสาวใหญ่เมืองลิง
ขณะที่สายวันเดียวกันสมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ จ.ลพบุรี นำร่างหญิงวัย 54 ปี ที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาตัวที่ รพ.โคกเจริญ แต่เนื่องด้วยอาการหนักจึงได้นำตัวส่งต่อมาที่ รพ.โคกสำโรง เมื่อเวลา 20.00 น. ของคืนวันที่ 9 ก.ค. และได้เสียชีวิตลงในเวลา 01.30 น.ของวันที่ 10 ก.ค. มาฌาปนกิจที่วัดแก้วจันทราราม ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง โดยไร้ญาติมาร่วมพิธีแม้แต่คนเดียวเนื่องจากติดโควิดยกครอบครัว
ระยองเจอเชื้อเดลตาอีก 9
ขณะที่โซนตะวันออกยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมาก โดย จ.ระยอง ผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 74 คน ทั้งนี้มีรายงานมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 9 คน เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวัง อยู่ในพื้นที่ ต.ปลวกแดง 8 คน และ ต.มาบยางพร 1 คน ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จังหวัดมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 121,368 เข็ม มียอดจองฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไป 142,107 คน ขณะที่ จ.ตราด คลัสเตอร์ รพ.ตราด ทำพิษ 4 วัน พบคนติดเชื้อกว่า 30 คน จำนวนนี้มีเสียชีวิต 1 ศพ เป็นหญิงชรา ถือเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกของจังหวัด ขณะที่ จ.ชลบุรี ยอดติดเชื้อ ยังพุ่งถึง 359 คน ตายเพิ่มอีก 3 ศพ
นนท์เร่งเพิ่มเตียงอีกเพียบ
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.นนทบุรี รายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อีก 287 คน สาเหตุติดเชื้อที่สำคัญภายในครอบครัว แคมป์ก่อสร้าง และตลาดค้าขาย กระจายไปใน อ.บางใหญ่ 65 คน อ.เมือง 61 คน อ.บางบัวทอง 41 คน อ.บางกรวย 26 คน อ.ปากเกร็ด 25 คน อ.ไทรน้อย 13 คน ส่วนที่โรงเรียนบางบัวทอง ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผวจ.นนทบุรี พร้อมด้วย นายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล นายอำเภอบางบัวทอง นพ.ประพุทธ ลีลาพฤทธิ์ ผอ.รพ.บางบัวทอง นางกาญจนา เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศบาลเมืองบางบัวทอง กำลังกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมอาคารเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี สูง 4 ชั้น จำนวน 12 ห้อง จัดเป็นเตียงสนามรองรับผู้ป่วยโควิด-19 อีก 300 เตียง โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จใน 2-3 วัน ด้าน นพ.ประพุทธ ลีลาพฤทธิ์ ผอ.รพ.บางบัวทอง กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคลากรของ รพ.ติด โควิด-19 หลายคน เป็นแพทย์ 1 คน พยาบาลวิชาชีพ 7 คน ผู้ช่วยพยาบาลอีก 2 คน สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ใน รพ.บางบัวทอง 1 มี 160 เตียง มีผู้ป่วยหนักถึงปานกลาง 100 คน อีก 40 คน อาการไม่หนักไม่น่า เป็นห่วง เตียงรองรับผู้ป่วยพอมี แต่ไม่มาก
อย.มะกันค้านไฟเซอร์ฉีดเข็ม 3
ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก เมื่อวันที่ 10 ก.ค. มีผู้ป่วยสะสมกว่า 186.83 ล้านคน เสียชีวิตสะสมกว่า 4 ล้านคน ขณะที่สถานทูตอเมริกันในกรุงฮานอยของเวียดนามเผยว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของโมเดอร์นา จำนวน 2 ล้านโดส ที่บริจาคโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านโครงการโคแวกซ์มาถึงเวียดนามเรียบร้อยแล้ว หลังเวียดนามพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง ถึง 1,625 คน นับเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากกว่า 1 พันคนต่อวัน ทำให้เวียดนามมีผู้ติดเชื้อรวมทั่วประเทศ 26,600 คน และเสียชีวิต 110 คน ส่วนที่สหรัฐอเมริกา หลังจากที่ผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์ เปิดเผยว่า จะยื่นขออนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3ให้แก่ผู้ได้รับวัคซีนครบเกิน 6 เดือน เพื่อรับมือเชื้อกลายพันธุ์นั้น ปรากฏว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมคัดค้านแนวคิดดังกล่าว โดยระบุว่าจากข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าวัคซีนที่มีอยู่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ ผู้ที่รับวัคซีนอย่างครบถ้วนจะได้รับการป้องกันจากอาการป่วยร้ายแรงและการเสียชีวิต ซึ่งรวมถึงเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในประเทศในปัจจุบัน อย่างเช่น สายพันธุ์เดลตา พร้อมสรุปว่าชาวอเมริกันที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเสริมในเวลานี้ และสนับสนุนให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนมารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเพื่อปกป้องตนเองและชุมชน
ปฏิบัติการไทยรัฐ ฝ่าวิกฤติโควิด-19