เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน มอบหมายให้นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล ส่งเจ้าหน้าที่และเครื่องสูบน้ำของ ฝ่ายปฏิบัติการเครื่องจักรกลสูบน้ำที่ 1 (จังหวัดพิษณุโลก) ส่วนเครื่องจักรกลสูบน้ำ สำนักเครื่องจักรกล ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 12 นิ้ว (0.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) จำนวน 3 เครื่อง บริเวณฝายแม่ยม ตำบลบ้านกลาง อำเภอสอง จังหวัดแพร่เขตพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน สำนักงานชลประทานที่ 3 โดยสูบน้ำจากฝายแม่ยม ส่งไปยังคลองแม่ยมฝั่งขวา สามารถสูบน้ำได้วันละ 71,200 ลูกบาศก์เมตร เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภัยแล้งให้มีน้ำอุปโภค–บริโภคและพืชผลทางการเกษตร พื้นที่รับประโยชน์ 2,500 ไร่
นายประพิศ กล่าวว่า กรมชลประทานได้เข้าไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ด้านภัยแล้งในหลายพื้นที่ เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสักเพื่อส่งน้ำให้เพียงพอสำหรับการอุปโภค บริโภค พร้อมขอความร่วมมืองดการสูบน้ำเพื่อทำนารอบที่ 2 เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อีกทั้งได้นำเครื่องจักร เครื่องมือ ลงพื้นที่กำจัดวัชพืชและผักตบชวาในทางน้ำชลประทานและทางน้ำสายหลักต่าง ๆ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน รวมทั้งแม่น้ำน้อย แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำบางปะกง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งน้ำให้ประชาชนสามารถใช้น้ำเพื่อกิจกรรมต่างๆ ตลอดช่วงฤดูแล้งนี้
ด้านนายสุพิศ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายปฏิบัติการเครื่องจักรกลสูบน้ำที่ 3 (จังหวัดนนทบุรี) ส่วนเครื่องจักรกลสูบน้ำ สำนักเครื่องจักรกล ดำเนินการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำขนาด 1.2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 6 ชุด และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาด 600 เควีเอ จำนวน 1 เครื่อง บริเวณประตูระบายน้ำปากคลอง 13 ตำบลบึงน้ำรักษ์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เขตพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ สำนักงานชลประทานที่ 11 โดยผลักดันน้ำคลอง 13 เพื่อส่งไปผลิตน้ำประปาภูมิภาคสามารถผลักดันน้ำได้วันละ 570,200 ลูกบาศก์เมตรเพื่อช่วยเหลือบรรเทาภัยแล้งให้มีน้ำอุปโภค–บริโภคและผลิตน้ำประปาพื้นที่รับประโยชน์การประปาส่วนภูมิภาคบางปะปง