จเรตำรวจแห่งชาติเผยกก.สอบบ่อนทำโควิดแพร่ เรียกตร.245 นายแจงข้อสงสัยพันบ่อน แต่ละคนผิดไม่เท่ากัน

จตช. เผย คกก.สอบบ่อนทำโควิดแพร่ เตรียมเรียก249 นายแจง พันบ่อน 2 จังหวัดแจงข้อสงสัย บอกแต่ละคนผิดไม่เท่ากัน ยันให้ความเป็นธรรม

จากกรณีบ่อนพนันแพร่เชื้อโควิด-19 บริเวณหลังสถานีขนส่ง (ขนส่งเก่า) จังหวัดระยอง และบริเวณพื้นที่ตลาดนำชัยหรือร้านนำชัย จังหวัดชลบุรี ต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่งเพิ่มเติมคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการ(พล.ต.ท.) ไปจนถึงยศสิบตำรวจตรี จำนวน 249 นาย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการตำรวจดังกล่าวกระทำผิดวินัยตามเสนอประธานกรรมการสืบสวน เพื่อให้ปรากฎรายละเอียดข้อเท็จจริงว่าข้าราชการตำรวจผู้รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าวมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องที่สืบสวนดังกล่าวด้วยหรือไม่ อย่างไร โดยมีพล.ต.ท.มโนช ตันตระเธียร จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง นั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 เมษายน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) เปิดเผยว่า สำหรับรายละเอียดการสืบสวนข้อเท็จจริง ตนไม่ทราบว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เพราะพล.ต.ท.มโนช จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธาน แต่สามารถบอกในภาพรวมได้ ซึ่งหลังจากนี้คณะกรรมการคงจะแจ้งข้อสงสัยไปยังผู้ที่มีรายชื่อทั้งหมด ให้เข้ามาชี้แจงเป็นเอกสาร หรือมาให้การด้วยตนเองก็ได้ ขั้นตอนนี้เป็นการรับฟังข้อเท็จจริง สามารถนำพยานหลักฐานมาหักล้างกัน เหตุผลแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เราก็รับฟัง ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิด สำหรับบางรายที่เกษียณไปไม่ถึง 1 ปี ก็สามารถเอาผิดย้อนหลังได้ มีระเบียบอยู่

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบแล้วบ่อนบางจังหวัดเปิดมานาน เป็นเหตุให้มีตำรวจถูกตั้งกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม 249 นาย แบ่งเป็นช่วงที่บ่อนเปิด มีประชาชนที่เข้าไปเล่นบ่อนพนันติดเชื้อโควิด-19 และจากการสืบสวนโรคระบุว่าติดมาจากบ่อน ซึ่งตามพยานหลักฐานของคณะกรรมการ ตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่เหล่านี้อาจจะผิดวินัยร้ายแรง ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบย้อนหลังไป พบว่าบ่อนเปิดมาระยะเวลานาน มีตำรวจที่เคยปฏิบัติหน้าที่ อาจจะย้ายไปที่อื่น เมื่อเขาเคยอยู่ในตำแหน่งและพื้นที่มีบ่อน เมื่อพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการจับกุมก็ผิดวินัย อย่างไรก็ตามทั้งหมดจะมีความผิดไม่เท่ากัน เป็นไปตามมูลเหตุและความเป็นจริง ส่วนจะผิดมากผิดน้อย อยู่ที่คณะกรรมการ หรือบางคนอาจจะไม่มีความผิดก็ได้