เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9/ผบ.กกล.สุรสีห์ ได้รับรายงานจาก พ.อ.เฉลิมชัย ชัดใจ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.ธัชเดช อาบัวรัตน์ รอง.ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ว่ารับแจ้งจากสายข่าวว่ามีกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ที่บริเวณป่าบ้านท้ายเหมือง หมู่ 3 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.136 ตำรวจ สภ.ไทรโยค และ ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยค นำกำลังเข้าตรวจสอบพบแรงงานชาวเมียนมาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าเป็นจำนวนมาจึงแสดงตัวเข้าจับกุมจำนวน 29 คน เป็นชาย 24 คน และหญิง 5 คน
สอบถามผู้ต้องหาให้การว่าเดินทางมาจาก จ.เมียวดี จ.พะโค จ.ยะไข่ จ.ทวาย และ จ.มะกเว ประเทศเมียนมา โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ลักลอบข้ามแดนเพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรปาการ จ.สมุทรสาคร จ.สุพรรณบุรี จ.ชลบุรี และ จ.ราชบุรี โดยจะจ่ายเงินให้กับนายหน้าคนละ 18,000 – 20,000 บาท/คน เมื่อไปถึงที่หมายแต่มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน
ต่อมาเวลา 14.00 น. ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ฉก.ลาดหญ้า) กองกำลังสุรสีห์ พร้อมชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย.ทพ.1404 ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ตม.กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี จับกุมแรงงานต่างด้าวขณะหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณไร่ข้าวโพดบ้านประตูด่าน หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 33 คน เป็นชาย 21 คน และหญิง 12 คน สอบถามให้การว่าเดินทางมาจาก จ.พะโค จ.ทวาย เมาะลำไย ย่างกุ้ง จ.เมียวดี และ จ.เย ประเทศเมียนมา โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ลักลอบข้ามแดนเพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร จ.ราชบุรี และ กรุงเทพมหานคร โดยจะจ่ายเงินให้กับนายหน้าเมื่อถึงปลายทาง 19,000 บาท/คน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศา หลังจากกลุ่มแรงงานทั้ง 62 คน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ท้องที่เกิดเหตุ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522) และฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ตามมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด ก่อนที่จะส่งให้ ตม.ผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่