“บิ๊กตู่” ประชุม “ผู้ว่าฯพื้นที่สีแดงเข้ม” ชี้ ไม่นิ่งนอนใจ จ.ไหนขาดสิ่งใดยื่นของบได้ตามขั้นตอน หนุนเอกชนตั้งรพ.สนามภายในโรงงานลดการแพร่ระบาด ยันรัฐบาลทำงานเข้มแข็มร่วมกัน
เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 28 กรกฎาคม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยการประชุมระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด 12 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี สงขลา ยะลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่า จินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดยย้ำการหารือวันนี้ เป็นการพูดคุยในระดับพื้นที่ เพราะต้องการรับทราบแนวปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ ที่อาจจะมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน และขอชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ที่มีความเข้มแข็งในการดำเนินการตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19 ) (ศบค.) ได้กำหนดมาตรการและข้อบังคับ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันโดยมีข้อเสนอมาจากคณะอนุกรรมฝ่ายต่างๆ โดยยืนยันทุกมาตรการมีเหตุผลและจำเป็นสอดคล้องสถานการณ์
นายอนุชา กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดรายงานว่ายังสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดที่มีความรุนแรงมากขึ้นในระยะนี้ ทำให้แต่ละพื้นที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น ปัญหาหน้างานในขณะนี้จึงคล้ายคลึงกัน คือ ความล่าช้าในการคัดกรอง คัดแยกผู้ป่วย การนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา การขาดแคลนเตียงในระดับผู้ป่วยที่มีการอาการหนักและอาการรุนแรง รวมทั้งการบริหารจัดการวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
“ขณะนี้ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขทำการปลดล็อกการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจเร็ว Antigen Test Kit หรือ ATK เมื่อพบผลเป็นบวก ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาทั้งศูนย์พักคอย ระบบดูแลตนเองที่บ้าน (Home Isolation-HI) หรือระดับชุมชน (Community Isolation-CI) ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยแยกผู้ที่ป่วยออกจากผู้ที่ไม่ป่วยได้เร็วขึ้น ลดจำนวนผู้ป่วย ผู้รอเตียงที่บ้าน รวมทั้งลดการเสียชีวิตที่บ้าน”
นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดที่เป็นเขตโรงงานอุตสาหกรรม ขอให้มีการหารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่เพื่อเข้าระบบควบคุมโรคระบาดในสถานประกอบการ เรือนจำ ไรือที่พักคนงาน ที่มีคำประกอบกิจกรรมเกิน 500 คนขึ้นไป (Bubble and Seal) เพิ่มเติมจากระบบดูแลตนเองที่บ้าน HI และที่ชุมชน CI โดยให้จัดระบบการดูแลที่โรงงาน (Factory Isolation-FI ) ลดการแพร่ระบาดนอกพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้
ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลยังได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงานในกลุ่มผู้ประกันสังคมอยู่แล้ว โดยนายจ้างจะได้รับเงินเยียวยา 3,000 บาทต่อลูกจ้าง ไม่เกิน 200 คน ขณะที่ลูกจ้างผู้ประกันตน ม. 33 จะได้รับเงินเยียวยาคนละ 3,000 บาท ถือว่าเป็นเงินหมุนเวียนในเบื้องต้น พร้อมฝากผู้ว่าราชการจังหวัด หากมีคำสั่งปิดสถานที่หรือปิดตลาด ก็ขอให้มีมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนด้วย
นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแก้ปัญหาเตียงผู้ป่วย ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ในพื้นที่ที่เป็นโรงพยาบาลหลักว่าสามารถจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อให้ทีมหมอและพยาบาลที่มีอยู่สามารถดูแลได้เพิ่มเติม รวมทั้งให้มีการยกระดับขีดความสามารถเตียงในโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลืองหรือสีแดงให้เพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งสนับสนุนภาคเอกชนจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในโรงงานร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ยืนยันว่า เวชภัณท์ต่างๆ ทั้งยารักษา ยาฟาวิพิราเวียร์ ออกซิเจนและถังออกซิเจน ยังมีเพียงพอ รวมทั้งได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลป้องกันการกักตุนสินค้าด้วย หากจังหวัดไหนขาดเหลือสิ่งใดก็สามารถยื่นของบประมาณ ตามลำดับขั้นตอนได้ รวมทั้งแผนการกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆยังคงเป็นไปตามนโยบาย
นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงสิ่งสำคัญในขณะนี้คือ การเร่งสร้างความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรง ซึ่งจะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข อยู่ห่าง ใส่แมสก์กัน หมั่นล้างมือ ตรวจให้ไว ใช้ไทยชนะและหมอชนะ (DMHTT)อย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันภาครัฐก็ต้องดูและประสิทธิภาพการให้บริการทั้งในส่วนของโทรศัพท์สายด่วน Call Center ศูนย์พักคอย การจัดให้มีทีมดูแลประชาชนตามหมู่บ้าน เพื่อนำผู้ป่วยที่เข้าถึงการรักษาให้มากขึ้น ลำดับต่อไปที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอยากเห็นคือ “หมู่บ้านสีฟ้า” ที่ ประชาชนและชุมชน ช่วยเหลือแบ่งปันดูแลซึ่งกันแลกัน ร่วมกันเฝ้าระวังการแพร่ระบาด
“ในช่วงท้ายพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่ ทุกคนคือทีมประเทศไทย ต้องขอชื่นชมความเสียสละ ความร่วมมือในการช่วยกันควบคุมการแพร่ระบาด ทุกคน คือ คนไทย รวมไทย สร้างชีวิต ต้านภัยโควิด ซึ่งได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลมาตลอด ยืนยันรัฐบาลยังทำงานอย่างเข็มแข็มร่วมกัน “ นายอนุชา กล่าว