17 มีนาคม 2564
| โดย [บทบรรณาธิการ]
95
นับเป็นข่าวดีต่อภาพรวมของประเทศ เมื่อนายกรัฐมนตรีนำทีมคณะรัฐมนตรีบางส่วนเข้ารับวัคซีนโควิด เพราะไม่เพียงสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการรับวัคซีน แต่ยังรวมถึงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเอกชนในการค้าการลงทุน และน่าจะทำให้ดัชนีเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลข ณ วันที่ 16 มี.ค.64 ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 149 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 27,154 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 87 ราย ท่ามกลางสถานการณ์ในประเทศที่ยังมีความกังวล โดยเฉพาะประเด็นการแพร่เชื้อในตลาดสด โดยระหว่างวันที่ 7 – 13 มี.ค. มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อบริเวณตลาดในพื้นที่เขตบางแค กทม.จำนวนมาก กระทรวงมหาดไทยต้องสั่งล่าสุดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รวม กทม. ควบคุมปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรีบางส่วน เข้ารับวัคซีนโควิด โดยมีนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรกให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ นับเป็นข่าวดีต่อภาพรวมของประเทศ หลังจากมีการเลื่อนกำหนดการเดิม เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มี.ค.ผ่านมา แม้รัฐมนตรีบางส่วนในคณะไม่เข้ารับการฉีด แต่ผู้นำประเทศฉีด ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงบวก
แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ยังไม่สงบ 100% ทว่าปัจจุบันทีมบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถรับมือได้น่าพอใจ เห็นได้จากตัวเลขอัตราการติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยอยู่อันดับท้ายๆ การกระจายวัคซีนให้มากและเร็วขึ้นเป็นเรื่องจำเป็น ยิ่งผู้นำประเทศแสดงความกล้าหาญในการรับวัคซีน ไม่เพียงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการรับวัคซีนซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ ช่วยลดการแพร่ระบาดของโรค ส่งผลไปยังความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเอกชนในการค้าการลงทุน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชื่อว่าจะส่งผลดี โดยข้อมูลที่ได้รับรายงานล่าสุด สายการบินถูกจับจองเที่ยวบินเต็มทุกเที่ยวบินในช่วงเทศสงกรานต์ในเดือน เม.ย.นี้ ดังนั้นจะเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กลุ่มฐานรากจะมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เศรษฐกิจไทยจะเริ่มกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ กระทรวงการคลังจะขอติดตามสถานการณ์และดัชนีเศรษฐกิจที่คาดแนวโน้มน่าจะดีขึ้น ก่อนจะตัดสินใจในการออกมาตรการฟื้นฟูต่อเนื่อง เชื่อว่าเมื่อวัคซีนมีมากพอ เปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้ เศรษฐกิจไตรมาส 4 จะฟื้นตัว
เราเห็นด้วยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยิ่งรัฐบาลโดยเฉพาะผู้นำแสดงความกล้าหาญในการทำในสิ่งที่ถูก ย่อมส่งผลดีต่อประเทศในทุกมิติ จากนี้ไปรัฐบาลต้องผลักดันเมกะโปรเจกให้เป็นไปตามแผน ช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจพร้อมที่จะลงทุนและรับไม้ต่อจากรัฐบาล อย่างโครงการร่วมลงทุนรัฐเอกชนปี 2563-2570 มูลค่า 1 ล้านล้านบาท จากนี้ไปต้องไม่ล่าช้า โดยเฉพาะ High Priority PPP Project จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 1.63 แสนล้านบาท จะต้องเร่งรัดให้ได้ตามแผนในปี 64 ให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ PPP เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยก็จะคึกคัก มีความหวัง