ในที่สุดนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยืดอกถลกแขนเสื้อ ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ประเดิมเข็มแรก ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (16 มี.ค.)
หลังจากต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนกะทันหันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพราะเกรงจะเกิดผลข้างเคียงทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน??
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง วัคซีนแอสตราเซเนกา ไม่เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอย่างที่ตื่นแตกแหกกระเชอ
สรุปว่าการเลื่อนฉีดวัคซีนโควิดของนายกรัฐมนตรี เกิดจากความห่วงใยเกินไปของคุณหมอใหญ่ กลัวลุงตู่ลิ่มเลือดอุดตัน?
แต่ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นต่อวัคซีนแอสตราเซเนกาที่รัฐบาลสั่งซื้อล่วงหน้า 26 ล้านโดส และสั่งซื้อลอตที่ 2 อีก 35 ล้านโดส เพื่อฉีดสร้างภูมิคุ้มกันโควิดให้ประชาชน 30 ล้านคน
แถมยังส่งผลข้างเคียงทำให้ภาพผู้นำเสียหายไปหลายกิโล
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าประเด็นที่น่าตกใจไม่ใช่เรื่องลุงตู่ฉีดวัคซีน
แต่เป็นการเกิด “คลัสเตอร์ใหม่ย่านตลาดบางแค” ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อโควิดวันเดียว 170 ราย และแพร่กระจายไปอีก 5 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี นครปฐม เพชรบุรี สมุทรสาคร และนนทบุรี
การโผล่ขึ้นใหม่ของคลัสเตอร์ตลาดบางแค แสดงว่าวิกฤติโควิดระบาดรอบ 2 ยังปิดจ๊อบไม่ได้อย่างที่ฉายหนังโฆษณา
ข้อสำคัญ ต้นตอการแพร่ระบาดจากตลาดสดกลางเมืองหลวง ที่มีลูกค้าจำนวนมากทั่วสารทิศ เวียนเข้าเวียนออกหลายพันคนแต่ละวัน
ทำให้เชื้อโควิดแพร่กระจายจากหนึ่งคนเป็นสิบคน จากสิบคนเป็นร้อยคน โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
แม้แต่จังหวัดสมุทรสาคร ที่รัฐบาลระดมสรรพกำลังคุมเข้มแบบถึงลูกถึงคน
ล่าสุด (15 มี.ค.) จังหวัดสมุทรสาคร ยังพบผู้ติดโควิดรายใหม่เพิ่มอีก 40 คน
ยอดผู้ป่วยสะสมจังหวัดเดียวปาเข้าไปกว่า 1.6 หมื่นคน!!
ถ้าหากกรุงเทพฯเกิดการแพร่ระบาดแบบจังหวัดสมุทรสาคร จะวุ่นวายขายปลาช่อนขนาดไหน คงไม่ต้องบรรยาย??
นี่คือโจทย์การบ้านข้อใหญ่ ที่รัฐบาลต้องเตรียมแผนล่วงหน้า เผื่อเหลือเผื่อขาดให้ดีๆ
“แม่ลูกจันทร์” ฟันธงว่าทางเลือกที่ชัวร์ที่สุด หวังผลได้มากที่สุด คือเร่งจัดหาวัคซีนต้านโควิด ฉีดให้ประชาชนจำนวนมากที่สุดในเวลาสั้นที่สุด
เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโควิดไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทย 68 ล้านคน
60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศคือ 40 ล้านคน!!
หมายความว่ารัฐบาลลุงตู่ ต้องเร่งซื้อวัคซีนเพิ่มอีก 20 ล้านโดส เป็น 80 ล้านโดส ให้เข้าล็อกพอดีกับประชากร 40 ล้านคน!!
ทีนี้มาถึงประเด็นสุดท้าย…วัคซีนแอสตราเซเนกาที่รัฐบาลจองไว้ 61 ล้านโดส มีคุณสมบัติเหมาะกับผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป
ดังนั้น รัฐบาลต้องจัดซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นสำหรับฉีดสร้างภูมิคุ้มกันโควิดให้กับคนที่อายุต่ำกว่า 60 ปีลงมา
ล่าสุดประชากรไทยที่อายุเกิน 60 ปีมีอยู่เพียง 12 ล้านคน
มีความต้องการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา 24 ล้านโดสเท่านั้นเอง
แล้วที่สั่งเพิ่มลอตใหม่อีก 35 ล้านโดส รัฐบาลจะฉีดให้ใคร??
นี่ถามจริงๆ ไม่ใช่ถามเล่นๆนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”