วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 นายพินิจ คงประพันธ์ หัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการไฟป่าอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้ตรวจพบการเกิดไฟป่าในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จาก hotspot ทางดาวเทียม ในการป้องกันการเกิดอัคคีภัยและการจุดไฟเผาป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 มีไฟไหม้ป่าเกิดขึ้น จำนวน 4 จุด จึงได้ให้เจ้าหน้าสายตรวจที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัยวังชิ้น ร่วมกับ ชุดสายตรวจหน่วยสู้ไฟป่า (อช.เวียงโกศัย) ปางงุ้น นำอุปกรณ์เครื่องดับไฟ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุมี 4 จุด คือ ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง มี 2 จุด ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ มี 2 จุด จุดที่ 1 ป่าห้วยแม่ดงกลาง บ้านท่ามะเกว๋น ม.3 ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง พิกัดที่ 47Q 533341UTM 1962190 จุดที่2 พิกัดที่ 47Q 533398UTM 1962560 ต.สรอย มี 2จุด
จุดที่ 1 ป่าห้วยแม่เลียบบ้านปางงุ้น ม.6 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ พิกัดที่ 47Q541345 UTM961190 และจุดที่4 ป่าห้วยแม่อางพิกัดที่ 47Q541058UTM1962020 เมื่อเจ้าหน้าที่สายตรวจและชุดสู้ไฟป่าอุทยานฯเข้าไปถึงที่เกิดเหตุไฟไหม้ จึงได้ช่วยกันนำเครื่องเป่าลมดับไฟ และทำแนวกันไฟไว้ ส่วนที่ไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ เนื่องจากเป็นภูเขาสูงชันใบไม้แห้งกองหนาเป็นเชื้อไฟได้อย่างดี เปลวไฟสูง มีลมหวนไม่มีทิศทางพัดเอาเปลว และควันไฟไปแรง และรวดเร็ว ไม่สามารถขึ้นไปดับได้ อันตรายมาก ได้แต่ทำแนวกันไฟเฝ้าระวังเอาไว้มิให้ลุกลามต่อไป จากการเข้าไปปฎิบัติการณ์สู้ไฟของชุดสายตรวจ อุทยานฯในครั้งนี้ สามารถควบคุมดับไฟป่าไว้ได้ พร้อมกับตรวจสอบพื้นที่ถูกไฟไหม้ เสียหายประมาณ 17 ไร่ สาเหตุมาจากฝีมือคนที่เข้าไปหาของในป่า ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติแต่อย่างใด
และในขณะเดียวกัน ผญบ.ม6 ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้รับแจ้งจาก ลูกบ้านว่ามีไฟไหม้ป่า ของหมู่บ้านลุกลามเป็นบริเวณกว้าง จึงได้แจ้งให้ นายวิทิต เที่ยงไทย นอภ.วังชิ้นทราบ แล้วได้แจ้งขอกำลังจาก นายพินิจ คงประพันธ์ หน.ศปก.อช.เวียงโกศัย, หน.สวนป่าวังชิ้น หน่วยสู้ไฟหมู่บ้าน ร่วมกันเข้าไปดับไฟป่าดังกล่าวไว้ได้เป็นบางส่วนเท่านั้น ส่วนที่เป็นหน้าผาดอยสูงชัน ไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ มีอุปสรรคมากมาย อุปกรณ์ดับไฟก็ไม่พร้อมที่จะสู้ไฟ ที่นำไปหามาได้เท่าที่มี น้ำในลำห้วยที่จะนำมาดับไฟก็ไม่มีแห้งหายหมด หนำซ้ำยังมีใบไม้แห้งหล่นทับถมกันหนาเป็นเชื้อไฟอย่างดี แดดก็ร้อนจัดมีลมพัดหวนกระโชกแรง สู้ไม่ไหว จึงได้แต่ทำแนวกันไฟเฝ้าระวังเอาไว้ มิให้ลุกลามต่อไปที่อื่นเท่านั้น
สาเหตุจากการเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ ก็เป็นน้ำมือของมนุษย์ที่เข้าไปหาของในป่านี่แหละ โดยไม่คำนึงถึงคุณประโยชน์ของป่าที่ทำอะไรไว้ให้กับมนุษย์หรือคนเราไว้มากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นที่อยู่ของสัตว์น้ำ เป็นที่อาศัยของสัตว์บกหรือแม้แต่คนเราที่ได้อาศัยในผืนป่าเหล่านี้ก็ตาม ทำไมคนเราไม่มีจิตสำนึกรักษาผืนป่าเลยสักนิดมีแต่เผาทำลาย ทั้งๆที่ทางส่วนราชการทุกหน่วยงานทุกที่ทุกแห่งทั่วประเทศ และประเทศใกล้เคียง ในส่วนของ อ.วังชิ้น ทุกภาคส่วน ไม่ว่าฝ่ายปกครอง กำนัน ผญบ. อุทยานแห่งชาติฯ ตำรวจ หน่วยป้องกันรักษาป่า,ต้นน้ำ ได้ประชุมของส่วนราชการ อ.วังชิ้น นำนโยบายและมาตรการของผู้ว่าราชการ จ.แพร่ รณรงค์ทุกวิถีทาง ผู้นำได้ประกาศเสียงตามสายทุกเช้า-เย็น, ทางสถานีวิทยุชุมชนประชาสัมพันธ์ก็แล้ว,สายตรวจ อช.เวียงโกศัยได้ออกตรวจลาดตระเวนตลอด,ด่านชุมชนหมู่บ้านได้ตั้งจุดตรวจคัดกรองไว้ก็แล้ว,ตำรวจจับกุมดำเนินคดีแล้วก็ตาม ก็ยังมี ผู้คนที่ฝ่าฝืนไม่มีจิตสำนึกถึงความผิด ไม่รู้จักคุณค่าและประโยชน์ของป่าเลยแม้แต่สักนิด
เพราะมีทางที่เข้าไปป่ามีหลายเส้นทาง สามารถจะไปทางไหนก็ได้ โดยไม่ผ่านจุดคัดกรองหมู่บ้าน และคนเหล่านี้มักจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไปนอนแต่ในป่า ห้างนา ห้างสวน อยู่แต่ในห้วยในดอย ไม่รับรู้ข่าวสาร สังคมหมู่บ้าน ถึงแม้นจะมีคนไปบอกก็ตาม ส่วนคนที่ได้เห็น รู้ว่าใครจุดไฟเป็นคนเผาป่าก็มีรางวัลนำจับก็ตาม ไม่มีใครกล้าที่จะแจ้ง ชี้จุด เป็นพยานให้เจ้าหน้าที่หรือผู้นำมาดำเนินคดีได้ กลัวความไม่ปลอดภัยของชีวิต และทรัพย์สินในครอบครัวตัวเอง
ดังนั้นรัฐบาล ต้องจำเป็นต้องหามาตรการป้องกันในระยะยาว โดยให้หมู่บ้าน/ชุมชน คัดกรองผู้ที่มีไร่ นา สวน มีบ้านติดเขตป่า มาอบรม ให้ความรู้ ปลูกจิตสำนึกให้คนอยู่กับป่ารักษาผืนป่า รักษาระบบนิเวศวิทยาให้ได้ก่อน,สร้างงานสร้างอาชีพ คนที่ไปหาของป่ามายังชีพ ให้เขาเหล่านี้ มีที่ทำมาหากิน รู้จักถิ่นที่มีคุณค่าของตนเอง รู้รับผิด รับชอบด้วย แล้วจึงค่อยนำกฎหมายเข้ามาบังคับใช้ต่อไป ทุกวันนี้ เราแก้กันที่ปลายเหตุให้ผ่านพ้นไปเป็นปีๆ ซึ่งเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นซ้ำซากมาทุกปี หมดเงินงบประมาณไปเป็นจำนวนมาก แก้ไขไม่ได้ซักที ทำไมไม่คิดวิเคราะห์ป้องกัน หาวิธีทางแก้ไขในระยะยาวอย่างยั่งยืน ถ้ายังอยู่อย่างนี้ ก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป