“สุวรรณภูมิ” ออก 5 มาตรการล้อมคอก “กักตัว-ทำความสะอาด-ตรวจเชิงรุก-เข้มหน้ากากเจลแอลกอฮอล์-กั้นพื้นที่ปลอดภัย” ก่อนเร่งระดมฉีดวัคซีนพนักงานในสนามบินให้ครบภายใน มิ.ย. นี้
วันที่ 16 พฤษภาคม 2564 นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ติดเชื้อแล้ว 34 ราย
ปัจจุบัน ทางสนามบินสุวรรณภูมิได้รับรายงานว่ามีผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานภายในได้รับการตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด -19 จำนวนหลายราย ซึ่งในส่วนของสุวรรณภูมิเองมีพนักงานและลูกจ้างของฝ่ายขนส่งทางอากาศติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 34 คน
คลอด 5 มาตรการล้อมคอก
เมื่อได้รับทราบ ก็มีการดำเนินการและกำชับให้หน่วยงานมีการดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ใช้บริการรวมถึงสวัสดิภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงานภายในเป็นสำคัญ ซึ่งได้มีแนวทางปฏิบัติดังนี้
1. ให้ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยและมีความเสี่ยงสูงได้เข้าทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด – 19 และสั่งการให้พนักงานผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องทำการกักตัว 14 วัน โดยได้จัดให้พนักงานฝ่ายอื่นมาปฏิบัติงานเเทนซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของสนามบิน
2. ทางสนามบินดำเนินการทำความสะอาดโดยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และทำความสะอาดแบบ Deep cleaning ในบริเวณพื้นที่ที่ผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงสูงปฏิบัติงาน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานและผู้มาใช้บริการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และตามคำแนะนำของสาธารณสุข
3. ในส่วนของพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รับตรวจเชิงรุก (Active Case Finding) โดยฝ่ายการแพทย์ประสานสาธารณสุขอำเภอบางพลี และโรงพยาบาลบางพลีเพื่อดำเนินการรวมทั้งจัดเตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจดังกล่าว
4. ให้พนักงานและลูกจ้าง สวมใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือในขณะปฏิบัติหน้าที่ และหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รวมถึงการรักษาระยะห่าง
5. แบ่งพื้นที่ในการทำงานของแต่ละส่วนงาน ให้มีพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) เป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราวแทนได้ โดยได้จัดหาพื้นที่กักตัวสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และจะเพิ่มพื้นที่กักตัวในกรณีที่มีผู้มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นจากเดิม
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้สนามบิน ได้มีการปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการที่สาธารณสุขกำหนด โดยให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) อย่างน้อยร้อยละ 80 ตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนเมษายน พ.ศ.2564 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 และเน้นย้ำในการดูแลรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน รวมถึงบริเวณพื้นที่จุดสัมผัสต่าง ๆ เช่น ห้องน้ำ ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน แบบ Deep Cleaning อย่างต่อเนื่องทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
และได้ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคนรวมถึงผู้ปฏิบัติงานต้องถือปฏิบัติยึดหลักบินวิถีใหม่ D – M – H – T – T ซึ่งประกอบด้วย D (DISTANCING) เว้นระยะห่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น M (MASK- WEARING) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H (HAND WASHING) หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ T (TEMPERATURE CHECK) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและ T (THAICHANA) สแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ
ระดมฉีดวัคซีนแล้ว 4,371 คน เอาให้จบ มิ.ย.
นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวในตอนท้ายว่า ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญกับพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่เป็นด่านหน้าในการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งใกล้ชิดผู้โดยสาร และมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค Covid-19 จึงได้สนับสนุนพื้นที่ในการให้บริการจุดฉีดวัคซีน สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ณ บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 9 บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน Row U และ W
ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและผู้ปฏิบัติงานไปแล้วกว่า 4,371 คน ซึ่งจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการภาคพื้น รวมถึงพนักงานในเขตพื้นที่เขตปลอดอากรก่อนเป็นการเร่งด่วน และจะทยอยฉีดให้ผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ จนครบทุกคนภายในเดือนมิถุนายน 2564