ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติขยายระยะเวลามาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 เพิ่มอีก 14 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.
พญ. อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมาว่า ประชุมดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ และมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่ยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการขยายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ที่ประชุมศบค. ยังเห็นชอบให้ประกาศยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม อีก 16 จังหวัด จากเดิมที่เคยประกาศไปแล้ว 13 จังหวัดเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และลดอัตราการเสียชีวิตและติดเชื้อรายใหม่ และรักษาระบบสาธารณสุข
พื้นที่สีแดงเข้มเพิ่มเติม ประกอบด้วย กาญจนบุรี ตาก นครปฐม นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี เพชรบูณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง
พื้นที่สีแดงเข้มเดิม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
“จะมีการประเมินทบทวนในวันที่ 18 ส.ค. ต้องเน้นย้ำขอความร่วมมือ หลาย ๆ ภาคส่วนคงจะมีความรู้สึกลำบากติดขัดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการโรงงาน แคมป์คนงาน แต่ถ้าเราร่วมมือกันอย่างเข้มข้น ข้อกำหนดนี้ก็จะสามารถผ่อนคลายได้หลัง 14 วัน แต่ต้องเผื่อใจไว้ด้วย ถ้าสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะยืดจนถึงวันที่ 31 ส.ค.” พญ.อภิสมัยกล่าว
ข้อกำหนดสำหรับประชาชนทั่วไปในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม
- ห้ามออกนอกเคหสถานช่วงเวลา 21.00-04.00 น.
- เลี่ยง จำกัดหรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น สำหรับการเดินทางในกรณีที่จำเป็นที่สามารถกระทำได้ เช่น การเดินทางเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การพบแพทย์ รับวัคซีน การรักษาพยาบาล หรือความจำเป็นในการปฏิบัติงานหรือประกอบอาชีพที่ไม่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้ ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้ความช่วยเหลือในการกระจายสิ่งอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
- ให้ทำงานจากที่บ้าน 100% ทั้งรัฐและเอกชน ยกเว้นที่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณสุข การควบคุมโรค ระบบสาธารณูปโภค การจราจร บรรเทาสาธารณภัย การรักษาความสงบ หากจำเป็นต้องเคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคุล
- ให้ใช้เอกสารรับรองการเดินทาง หรือแสดงคิวอาร์โค้ดที่ด่านตรวจเข้าออก สำหรับเอกสารรับรองการเดินทาง ให้ขอได้ที่เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือลงทะเบียนผ่านไทยชนะ ณ ด่านตรวจ หรือเว็บไซต์หยุดเชื้อเพื่อชาติ
- จำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศให้เหลือไม่เกิน 50% ของความจุ
- ห้ามรวมกลุ่มกิจกรรมเกิน 5 คน
นอกจากนี้ยังมีการปรับพื้นที่ควบคุม (หรือพื้นที่สีส้ม ) โดยปรับระดับให้จ.ภูเก็ต ขึ้นมาเป็นกลุ่มนี้ จากเดิมที่ประกอบด้วย 10 จังหวัด เช่น กระบี่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ มุกดาหารแม่ฮ่องสอน และสุราษฎร์ธานี
ผู้ช่วยโฆษกศบค. ระบุว่า คาดว่าจะมีประกาศบนเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาอีกครั้งภายในคืนนี้
ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ในที่ประชุมยังมีการคาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงล็อกดาวน์ พบว่า ผู้ติดเชื้อในเขตกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มลดลง เป็นสัดส่วน 39% แต่ต่างจังหวัดกลับเพิ่มสูงขึ้นเป็นสัดส่วน 61% ทั้งนี้ที่ประชุมแสดงความเป็นห่วงการระบาดในประเทศขณะนี้ที่เป็นเชื้อสายพันธุ์เดลต้า
สำหรับในวันนี้ (1 ส.ค.) มีผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดอีกครั้งที่ 18,027 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 133 ราย ผู้ที่รักษาหายดีแล้วเป็นจำนวน 13,402 ราย