วันอาทิตย์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565, 06.00 น.
ไวรัสโควิด-19ลามไทยไม่หยุด
ป่วยทะลุ1หมื่นดับ21
สาธารณสุขมั่นใจยังควบคุมได้
บอกเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้
หลายพื้นที่เจอคลัสเตอร์ใหม่เพียบ
กรุงเทพฯยังน่าห่วงติดเชื้อ1.5พัน
ยอดติดเชื้อโควิดทั่วไทยรายวันพุ่งทะลุหมื่นแล้ว ดับอีก 21 ศพในขณะที่ อธิบดีกรมควบคุมโรค บอก เป็นไปตามคาดการณ์อยู่ในกราฟสีเขียว อยู่ในสถานการณ์ควบคุมได้ เน้นประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ สธ.เคร่งครัด ด้าน”นายกฯ” เตือนกลุ่มคนวัยทำงาน เฝ้าระวังตัวเองสูงสุด เพราะอาจติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่แสดงอาการ ย้ำรัฐบาลเน้นควบคุมการแพร่ระบาด ควบคู่กับการเดินหน้าเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยรายวัน โดยเฉพาะสายพันธุโอมิครอนที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และยังคงมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น จากผลการตรวจ ATK ของประชาชน
ย้ำให้ยึด6มาตรการหลักเข้มข้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและ ศบค. ยังคงรณรงค์ให้ประชาชนและผู้ประกอบการ สถานศึกษา ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัดทั้ง 6 มาตรการหลัก (DMHC-RC) 6 มาตรการเสริม (SSE-CQ) 7 มาตรการเข้มงวด และการจัดทำแผนเผชิญเหตุ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้ ที่สำคัญนายกรัฐมนตรียัง ฝากถึงกลุ่มคนวัยทำงานขอให้ลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง เพราะคนในกลุ่มวัยทำงานอาจติดเชื้อโควิดแต่ไม่แสดงอาการ และยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ปกติ แต่เมื่อสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีโรคประจำตัว อาจทำให้คนกลุ่มนี้มีอาการป่วยหนักและเสียชีวิตได้
นายกรัฐมนตรียังฝากขอบคุณประชาชน ผู้ประกอบการ ภาคเอกชนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลเน้นการควบคุมการแพร่ระบาดควบคู่กับการเดินหน้าเศรษฐกิจ โดยเตรียมพร้อมมระบบสาธารณสุข วัคซีน ยา เวชภัณท์ รองรับสถานการณ์ ในทุกระดับการระบาด เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดโรค ปลอดภัยด้วย” โฆษกรัฐบาลกล่าว
ไทยติดโควิดใหม่พุ่งทะลุหมื่น-ดับ21
ทางด้าน เพจศูนย์ข้อมูลโควิด เปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ รวม 10,490 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 10,273 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 217 ราย ผู้ป่วยสะสม 262,687 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค2565) หายป่วยกลับบ้าน 8,479 ราย หายป่วยสะสม 206,894 ราย (ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 88,463 ราย เสียชีวิต 21 ราย ล่าสุดการให้บริการวัคซีนโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 117,750,755 โดส เข็มที่ 1 ฉีดสะสม 52,476,044 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 48,883,762 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 15,275,322 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 1,115,627 โดส
เปิด10จว.ติดเชื้อรายวันสูงสุด
ส่วน 10 อันดับจังหวัดที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศรายใหม่สูงสุด ประจำวันที่ 5 ก.พ.2565 เป็น ดังนี้ 1.กรุงเทพมหานคร 1,495 ราย ยอดสะสม 34,669 ราย 2.สมุทรปราการ 986 ราย ยอดสะสม 21,801 ราย 3.ชลบุรี 548 ราย ยอดสะสม 19,515 ราย 4.นนทบุรี 452ราย ยอดสะสม 11,753 ราย 5.ภูเก็ต 407 ราย ยอดสะสม 12,427 ราย 6.ขอนแก่น 261ราย ยอดสะสม 7,947 ราย 7.ราชบุรี 238ราย ยอดสะสม 3,110 ราย 8.ปทุมธานี 222 ราย ยอดสะสม 6,203 ราย 9.นครราชสีมา 209 ราย ยอดสะสม 4,674 ราย 10.นครศรีธรรมราช 206 ราย ยอดสะสม 5,553 ราย
สมุทรสาครยอดป่วยพุ่งสูงอีกครั้ง
สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครได้เปิด เผยตัวเลขล่าสุดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่187ราย อยู่ในจังหวัด145รายและนอกจังหวัด42ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล773รายรักษาหายกลับบ้านได้ 50 รายและอยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีก458ราย
ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฉีดได้ 6,865 โด๊สเป็นเข็มที่1จำนวน 671โด๊สเข็มที่ 2 จำนวน798 โด๊สเข็มที่ 3 จำนวน 5,054 โด๊สเข็มกระตุ้น 342 โด๊ส ยอดฉีดวัคซีนทะลุเกินกว่า2ล้านโด๊สไปแล้วยอดสะสมรวมฉีดได้มากถึงทั้งสิ้นจำนวน 2,003,857 โด๊ส
บุรีรัมย์ติดเชื้อเพิ่มกว่า100ราย
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานข้อมูลสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ระลอกใหม่ มกราคม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 ถึงวันที่ 4 ก.พ.2565 ของ จ.บุรีรัมย์ ว่า วันนี้ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 109 ราย โดยผู้ป่วยติดเชื้อพบในพื้นที่จังหวัด 97 ราย ในจำนวนนี้พบมากที่สุดในพื้นที่ อ.หนองกี่ 19 ราย และติดเชื้อมาจากนอกพื้นที่ 12 ราย ซึ่งติดเชื้อมาจากจังหวัดเสี่ยง 11 ราย และติดเชื้อมาจากจังหวัดเสี่ยง(พบก่อนเข้าสถานกักตัว) LQ 1 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมระลอก มกราคม 3,735 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 5 ราย ยังรักษาอยู่ 873 ราย กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัด
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ ทั้ง 109 ราย กระจายใน 13 อำเภอ จากทั้งหมด 23 อำเภอ แยกเป็น ผู้ติดเชื้อพบในพื้นที่อำเภอเมือง 16 ราย (ในพื้นที่ 14 ราย), อ.หนองหงส์ 6 ราย (ในพื้นที่ 4 ราย), อ.ประโคนชัย 20 ราย (ในพื้นที่ 18 ราย), อ.หนองกี่ 20 ราย (ในพื้นที่ 19 ราย), อ.ห้วยราช 3 ราย (ในพื้นที่ 3 ราย), อ.คูเมือง 6 ราย (ในพื้นที่ 5 ราย), อ.สตึก15 ราย (ในพื้นที่ 15 ราย), อ.บ้านกรวด 3 ราย (ในพื้นที่ 3 ราย), อ.ลำปลายมาศ 10 ราย (ในพื้นที่ 8 ราย), อ.พลับพลาชัย 3 ราย (ในพื้นที่ 3 ราย), อ.โนนสุวรรณ 4 ราย (ในพื้นที่ 4 ราย), อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ 2 ราย (ในพื้นที่ 1 ราย) และ อ.แคนดง 1 ราย
พิจิตรพบคลัสเตอร์ใหม่ในโรงเรียน
ส่วนที่ จ.พิจิตร หลังจากที่เปิดเรียนได้ไม่นานก็พบการแพร่ระบาด ของเชื้อโควิดสายพันธ์โอมิครอน ในโรงเรียนหนองพง ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร มีเด็กนักเรียนทั้งระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนเดียวกันถึง 26 ราย โดยทั้งหมดถูกตรวจพบด้วยระบบ ATK โดยมีเด็ก 11 คนเริ่มมีอาการรุนแรงต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลโพธิ์ประทับช้าง นอกจากนั้นยังพบผู้ปกครองอีก 11 รายติดเชื้อทำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร ส่งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจหาเชิงรุกทันทีโดยเบื้องต้นสั่งให้มีการปิดโรงเรียนหนองพง ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร พร้อมใช้โรงเรียนดังกล่าวเป็นสถานที่กักตัว เนื่องจาก มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีกนับ 100 คน โดยให้ทำการกักตัวที่โรงเรียนหนองพง พร้อมทั้งทำการตรวจหาเชื้อแบบ PCR เพื่อตรวจรับรองผลอีกครั้ง
ตรวจเชิงรุก-กักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง
นายแพทย์วิศิษฎ์ อภิสิทธิ์วิทยา รักษาการ นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ในขณะนี้ ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจหาเชื้อเชิงรุกทั้งหมู่บ้านแล้ว โดยคาดว่าจะทราบผลการตรวจหาเชื้อแบบPCR ภายวันสองวันนี้ โดยสาเหตุของการติดเชื้อ ยังไม่สามารรถหาต้นตอของที่มาของเชื้อได้ เนื่องจากเด็กที่ป่วย มีอาการแข็งแรง ไม่มีอาการป่วย และเมื่อเด็กคนที่ติดแต่ไม่แสดงอาการ ไปเรียนจึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากผู้ปกครอง ของเด็ก 2 ครอบครัวเดินทางมาจากต่างจังหวัด ทั้งกรุงเทพมหานครและจังหวัดลำพูนเป็นผู้ติดเชื้อและแพร่กระจายไปยังเด็กนักเรียน ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนโรค แต่ก็มีการตรวจเชิงรุก และกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดแล้ว
ชาวกุยบุรีผวาคลัสเตอร์ใหญ่
ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่าขณะนี้ประชาชนชาว อ.กุยบุรี มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีมีคลัสเตอร์ใหม่ คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก หลังจาก รพ.กุยบุรี รายงานผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT –PCR ยืนยันมีผู้เชื้อ 12 ราย มีผลตรวจ ATK รอการยืนยันอีก 15 ราย มีกลุ่มเสี่ยงสูงอีกกว่า 200 คน จากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาต่อต้านยาเสพติดที่ หมู่ 7 บ้านรวมไทย ระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค. 2565 จัดโดยผู้นำท้องที่ มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐหลายหน่วยงานเข้าร่วมการแข่งขัน สำหรับผู้ติดเชื้อ มีทั้งผู้นำท้องที่และชาวบ้านที่ร่วมงานแข่งขันกีฬา
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หาดขาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ยืนยันว่าไม่เคยรับทราบรายงานการจัดแข่งกีฬา หรือมีการทำแผนยื่นขออนุญาตก่อนการแข่งขันกับ ศปก.อำเภอ และขอให้สอบถามข้อเท็จจริงจากรักษาการนายอำเภอกุยบุรี
ขณะเดียวกันเพจเฟซบุ๊กของหมู่ 7 ต.หาดขาม ที่มีการโพสต์ภาพการแข่งขันกีฬา หลังมีผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนมาก มีการลบภาพและข้อความทั้งหมด
ปิด“อุทยานแห่งชาติกุยบุรี”7วัน
นางสาวสุพร พลพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงนามในประกาศอุทยานแห่งชาติกุยบุรี แจ้งปิดการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 หลังการที่ประชุมประจำเตือนหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่นคณะกรรมการบริหารงานอำเภอ (กบอ.) มีมติให้อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ปิดการท่องเที่ยวเพื่อชมช้างป่าและกระทิง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 -11 ก.พ. 2565 เนื่องจากมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 พบมีรายงานผู้ติดเชื้อ มีผู้เสี่ยงสูงจำนวนมาก จากการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดที่หมู่ 7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี ซึ่งเป็นหมู่บ้านแนวเขตติดต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จากการประเมินมีแนวโน้ม จะมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อเป็นการคันหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไปยังแหล่งอื่น อุทยานแห่งชาติกุยบุรีจึงแจ้งปิดการท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ตั้งด่านสกัดเข้มป้องกันแพร่ระบาด
นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนัน ต.หาดขาม ได้นำเจ้าหน้าที่ตั้งด่านบริเวณเส้นทางเข้าออก พื้นที่หมู่ 7 บ้านรวมไทย เพื่อตรวจสอบบุคคล และยานพาหนะที่เดินทางเข้าออกในพื้นที่อย่างเข้มงวดโดยตรวจเข้ม 24 ชั่วโมงโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อป้องกันการระบาดและป้องกันผู้กักตัวกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากที่ร่วมแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดระหว่างวันที่วันที่ 29- 30 ม.ค. 2565 เดินทางออกนอกพื้นที่
มีรายงานจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ประจวบคีรีขันธ์ พบผู้ป่วยใหม่ 96 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม มีคลัสเตอร์ที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษประกอบด้วย นักเรียนเล่นฟุตบอล โรงเรียนบ้านท่าขาม สะสม 21 ราย พนักงาน 3BB หัวหิน สะสม 28 ราย โรงเรียนรัชตวิทยาคม สะสม 25 ราย พนักงาน อบต.หนองพลับ หัวหิน สะสม 11 ราย กีฬาหมู่บ้าน หมู่ 7 บ้านรวมไทย อ.กุยบุรี สะสม 15 ราย เครือญาติ หมู่1 ศิลาลอย อ.สามร้อยยอดสะสม 27 ราย เพื่อนบ้าน หมู่1 ศิลาลอย สะสม 28 ราย
สาธารสุขมั่นใจยังคุมได้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีวันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุถึงหมื่นราย ว่า ตามเส้นกราฟแบบจำลองการคาดการณ์การติดเชื้อโควิด หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงถึง 3 หมื่นราย แต่วันนี้ผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 10,490 ราย ซึ่งอยู่ในเส้นกราฟสีเขียว ซึ่งเป็นคาดการณ์ที่ดีที่สุด อย่างที่ทราบกันดีว่า โอมิครอน เป็นสายพันธุ์ที่ติดง่าย ตัวเลขจึงเป็นไปตามที่คาดการณ์ และอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ตามมาตรการต่างๆ
ถามว่า มีหลักเกณฑ์หรือข้อมูลเบื้องต้นให้ประชาชนวิเคราะห์หรือพิจารณาเบื้องต้นเองได้หรือไม่ ว่า สถานการณ์โควิด-19 แนวโน้มจะน่ากังวลเมื่อไร นพ.โอภาส กล่าวว่า ประการแรก จำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอย่างไร อย่างที่กล่าวว่า โอมิครอนแพร่ง่ายแพร่เร็ว จึงต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตร่วมด้วยเป็นสำคัญ แม้โอมิครอนติดง่าย แต่ที่สำคัญคือต้องเสียชีวิตน้อย
ประการที่สอง การพิจารณาตัวเลขผู้ป่วยอาการหนัก อย่างปอดอักเสบ มีโอกาสเสียชีวิต ผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ กลุ่มนี้มีความเสี่ยงเชื้อลงปอด ทางเดินหายใจล้มเหลว และประการที่สาม จำนวนผู้เสียชีวิตตอนนี้ที่ตั้งเป้าให้ทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตมีอัตราจำนวนน้อยที่สุด โดยตัวเลขติดเชื้อขณะนี้ยังไม่ค่อยกังวลมากนัก ส่วนผู้ป่วยปอดอักเสบประมาณกว่า 500 ราย และมีจำนวนผู้ใส่ท่อช่วยหายใจอีก ขณะที่เสียชีวิตประมาณ 20-30 ราย ซึ่งตัวเลขประมาณนี้เมื่อเทียบกับสัดส่วนผู้ติดเชื้อยังไม่ถึงเส้นกราฟสีแดง
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญการป้องกันการติดเชื้อไม่ให้เพิ่มขึ้นยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น คนก็เริ่มผ่อนคลาย มีการจัดงานเลี้ยง งานแต่ง งานบวช หรืองานศพ ส่วนใหญ่การติดเชื้อจะพบในคลัสเตอร์เล็กๆ ซึ่งจะใกล้ชิดกันและไม่สวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งการรับประทานอาหารร่วมกัน ยังเป็นปัจจัยการติดเชื้อที่ต้องระวัง ดังนั้นต้องขอความร่วมมือประชาชนให้ระมัดระวังตัวเอง ส่วนผับ บาร์ คาราโอเกะ ยังเป็นสถานที่เสี่ยง ขณะนี้ยังไม่ได้อนุญาต แต่จะเปิดทางให้ขออนุญาตปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร ซึ่งต้องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด ซึ่งมีการกำชับให้เข้มงวดกวดขัน
ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก แต่ยังพบว่ากลุ่ม 608 ผู้สูงอายุ มีส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับบูสเตอร์โดส ซึ่งผู้เสียชีวิตยังพบว่าเป็นกลุ่ม 608 คนสูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนั้นขอให้ไปรับบูสเตอร์ตามกำหนด เพราะวัคซีนมีเพียงพอ และขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังอนุมัติให้สามารถฉีดวัคซีนโควิดแก่เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้
ถามว่า บางกลุ่มยังกังวลเรื่องตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้นจะทำอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า ตัวเลขก็เป็นไปตามแบบจำลองสถานการณ์โควิด ซึ่งยังอยูในเส้นกราฟสีเขียว และเรามีมาตรการในการควบคุมโรคมาตลอด ร่วมกับความร่วมมือของประชาชนและทุกฝ่าย.